การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันพุธที่ 1 ธันวาคม 2021 นี้ เกมสำคัญอยู่ที่ศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมทช์เวลา 03.15น. ระหว่าง “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน เปิดรังกูดิสัน พาร์ค พบกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
การพบกันในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ราฟา เบนิเตซ กุนซือปัจจุบันของเอฟเวอร์ตัน จะได้เจอกับทีมเก่าที่เขาประสบความสำเร็จในช่วงแรกของการทำงาน พร้อมกับกลายเป็นกุนซือเว็บเล่นบอลออนไลน์ถูกกฎหมายที่ข้ามห้วยคนแรกในรอบกว่า 129 ปีในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่การแยกตัวกันระหว่าง เอฟเวอร์ตัน กับ ลิเวอร์พูล ที่คุมทัพทั้งสองทีม
ราฟา เป็นกุนซือที่ขึ้นชั้นตำนานลิเวอร์พูล และเป็นที่รักของแฟนบอลเดอะ ค็อป คุมทัพตั้งแต่ปี 2004-2010 พาทีมได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สุดมหัศจรรย์ที่อิสตันบูล ปี 2005 และแชมป์เอฟเอ คัพ ปี 2006 ซึ่งยังเป็นครั้งล่าสุดที่ หงส์แดง ได้ถ้วยน็อกเอาท์นี้ จะดวลกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ทำลายสถิติชนะมากที่สุดยุคพรีเมียร์ลีกของ ลิเวอร์พูล ด้วยการใช้เวลา 196 นัดชนะ 127 เกม แซงหน้า ราฟา ที่ทำไว้เป็นอันดับที่ 1 ที่ชนะ126 นัด ใช้เวลาไป 228 นัด ส่วนอันดับ 3 คือ เชราร์ อุลลิเย่ร์228 นัด ชนะ 112
ความพร้อมนัดนี้ เจ้าถิ่น เอฟเวอร์ตัน ผลงานช่วงหลังถือว่าย่ำแย่ ไม่ชนะใครมา 7 เกมรวด แถมเป็นการแพ้ไปถึง 5 เกมได้มาแค่ 2 คะแนน นัดนี้ไม่มี เมสัน โฮลเกต แนวรับที่ติดโทษแบน แถม เยอร์รี่ มิน่า, อันเดร โกเมส, โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิ่น และทอม เดวีส์ มีอาการบาดเจ็บ ส่วน เดมาไรย์ เกรย์ ต้องเช็คความฟิต แต่คาดว่าน่าจะต้องเข็นลงเพราะตัวเลือกไม่มี ข่าวดีคือ อับดูลาย ดูคูเร่ ได้กลับมายืนแดนกลางร่วมกับ อัลลัน ส่วนเกมรุกฝากความหวังไว้ที่ แอนดรอส ทาวน์เซ่นด์, อเล็กซ์ อีโวบี้และริชาร์ลิซอน
ทางฝั่ง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ชนะมา 3 เกมรวดแบบไม่เสียประตู เกมล่าสุดเปิดบ้านถล่ม “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน 4-0 นัดนี้ยังไร้เงา โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, นาบี เกอิต้า, ฮาร์วีย์เอลเลียตต์, เคอร์ติช โจนส์ และโจ โกเมซ ที่มีอาการบาดเจ็บ แต่ได้ เจมส์ มิลเนอร์ กลับมาเป็นตัวเลือก แต่คาดว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่น่าปรับทัพอะไรมากมาย อาจจะเปลี่ยนเอา โฌเอล มาติ๊ป ลงแทน อิบราฮิม่า โกนาเต้ ตำแหน่งอื่นๆ ยังเหมือนเดิม นำโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, ธีอาโก้ อัลคันทาร่า, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า และซาดิโอ มาเน่
สถิติการพบกันของทั้งสอง 5 เกมหลังสุด ลิเวอร์พูล เอาชนะได้ 2 เสมอ 2 ส่วนเอฟเวอร์ตัน ชนะ 1 ฤดูกาลที่แล้ว “ทอฟฟี่” บุกทุบถึงแอนฟิลด์ 2-0 โดยกระแสข่าวที่ตีโครมโหมกระหน่ำอย่างหนักว่า ราฟา จะถูกปลดทันทีหากทำทีมแพ้อีกในนัดนี้
ขณะที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ทีมจ่าฝูง จะบุกไปเยือนถิ่นวิคาเรจ โร้ด ของ “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด เวลา 02.30 น. โดยที่เจ้าถิ่น “แตนอาละวาด” เพิ่งเล่นท่ามกลางหิมะบุกพ่ายให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-4 เกมนี้ยังเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บไม่ว่าจะเป็น นิโคลัส เอ็นคูลู, ฟรานซิสโก้ เซียร์รัลต้า, ปีเตอร์ อีเตโบ้และเคน ซิม่า ส่วน เบน ฟอสเตอร์, อิสไมร่า ซาร์ และเอ็มมานูเอลเดนนิส ต้องเช็คความฟิต ถือว่าเสียหายเป็นอย่างมาก เคลาดิโอรานิเอรี่ อาจจะต้องปรับทัพหลายตำแหน่ง แดเนี่ยล เบ็คมันน์ จะได้ลงเฝ้าเสา ส่วนเกมรุกจะเป็นโอกาสของ ชูโช่ เอร์นานเดซ และชูเอา เปโดร ที่จะได้ลงประสานงานกับ โจชัว คิง
ทีมเยือน เชลซี จ่าฝูงของตารางนัดล่าสุดเปิดบ้านเสมอกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 เกมนี้ไม่มี มัตเตโอโควาซิซ, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และเบน ชิลเวลล์ ทำให้ มาร์กอส อลอนโซ่ จะได้เสียบแทนในตำแหน่งวิงซ้าย ส่วนมิดฟิลด์ที่จะมาเล่นคู่กับ จอร์จินโญ่ อาจจะส่ง รอสส์ บาร์คลีย์ ลงแทน รูเบนลอฟตัส-ชีค เกมรุกมีการปรับทัพตัวยืนคือ เมสัน เมาท์ ส่วนตัวที่จะประสานงานด้วยใช้ คริสเตียน พูลิซิซ และไค ฮาแวร์ตซ์
สถิติการพบกันของทั้งสอง 5 เกมหลังสุด ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ เชลซี เอาชนะได้ 4 และ วัตฟอร์ด ชนะ 1
อีกคู่ที่น่าสนใจในเวลา 03.15 น. “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่าดวลกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ โดย วิลล่า ภายใต้การคุมทีมของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เก็บชัยมา 2 เกมติดต่อกัน นัดล่าสุดบุกเฉือน คริสตัล พาเลซ 2-1 เกมนี้ยังไม่มี แบร์กตรองด์ ตราโอเร่และมาห์มุด เทรเซเกต์ สองแนวรุกที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไรขุมกำลังถือว่าพร้อมเป็นอย่างมากใช้ระบบ 4-3-3 แดนกลางนำโดย จอห์น แม็คกินน์, มาร์เวลาส นาคัมบ้าและเจค็อบ แรมซีย์ เกมรุกส่งตัวเก๋าอย่าง แอชลีย์ ยัง ลงประสานงานกับ เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย และโอลลี่ วัตกิ้นส์
ทางฝั่งผู้มาเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังฟอร์มดีสุดๆ ชนะมา 5 เกมรวดในทุกรายการ เกมนี้ไม่มี อายเมริค ลาปอร์ก ปราการหลังที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบ ส่วน เฟร์ราน ตอร์เรส ยังบาดเจ็บ ในรายของ แจ็ค กรีลิช และเควิน เดอ บรอยน์ รอเช็คความฟิต ทำให้แดนกลางยังเป็นทีมชุดเดิมมี โรดรี้ เป็นตัวตัดเกมขนาบข้างไปด้วย อิลคาย กุนโดกัน และแบร์นาร์โด้ ซิลวา ส่วนแนวรุกใช้ ริยาด มาห์เรซ ประสานงานกับ ฟิล โฟเด้น และราฮีม สเตอร์ลิ่ง
สถิติการพบกันของทั้งสอง 5 เกมหลังสุด แมนฯซิตี้ เหนือกว่าเยอะเก็บเรียบเอาชนะได้ทั้งหมด