แสนสิริโหมโรงปีเสือให้เป็นปีเสือคำรามกึกก้องกระหึ่มวงการอสังหาริมทรัพย์
ด้วยการประกาศแผนธุรกิจ 3 ปี (2565-2567) ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ 150,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย 120,000 ล้านบาท หลังจากสร้างผลประกอบการปี 2564 ได้อย่างสวยงาม จบยอดขายที่ 33,500 ล้านบาท ทะลุเป้า 29% ยอดโอน 32,500 ล้านบาท เกินเป้า 21%
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นบนความยากลำบากของสถานการณ์โควิดที่ลากยาว 2 ปีเต็ม แสนสิริยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมายที่ท้าทายในปี 2565 ด้วยธีมธุรกิจ “Step Beyond”
สภาพคล่องท่วม 1.5 หมื่นล้าน
“ในส่วนของแสนสิริผมให้ธีมการทำธุรกิจว่าเป็นปีแห่งความหวังในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทเราเอง ธุรกิจที่เราดำเนินอยู่ก็คืออสังหาริมทรัพย์ คือความหวังให้คนมีบ้านได้ดูหนังฟรีออนไลน์ 2022ง่ายขึ้น ในฐานะที่เป็นผู้นำของภาคธุรกิจนี้ เป็นหน้าที่ของเราชาวแสนสิริที่ต้องสร้างรอยยิ้มให้คนไทยและโลกของเรา”
วิสัยทัศน์ของ “เศรษฐา ทวีสิน” ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
คำถามสำคัญ สถานการณ์โอมิครอนในปีนี้เป็นโจทย์ธุรกิจที่ต้องเผชิญ มีการวางแผนรับมือไว้อย่างไร คำตอบโฟกัสไปที่สภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ แสนสิริสามารถ sold out (ปิดการขายทั้งโครงการ) ได้ถึง 16 โครงการ รวมมูลค่า 30,700 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีสภาพคล่องถึง 15,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก และทำให้มีความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ยุคโอมิครอนโฟกัสตลาดแมส
จิ๊กซอว์ Step Beyond แผนงานปี 2565 แสนสิริต้องการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในทุกมิติ มีจุดโฟกัส 3 ด้านคือ “profit-people-planet”
ถอดรหัสตัวแรก “profit” บริษัทวางแผนเปิดตัวใหม่ 46 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านแนวราบ 28 โครงการ สัดส่วน 75% คอนโดมิเนียม 18 โครงการ สัดส่วน 25% เพราะมองทะลุอนาคตปีนี้ว่าตลาดคอนโดฯยังไม่ฟื้นตัวกลับมา
ในด้านกำลังซื้อให้ความสำคัญกับตลาด affordable (ราคาที่ลูกค้าเข้าถึงได้) สัดส่วน 50% ที่เหลือแบ่งเป็นตลาดกลาง-บน กับตลาดพรีเมี่ยมอย่างละ 25%
โดยนิยามตลาด affordable สะท้อนเป็นราคาขายผ่านแบรนด์บ้านเดี่ยว “อณาสิริ” ราคา 3-4 ล้านบาท, ทาวน์โฮม “สิริ เพลส” ราคา 2 ล้านบาทบวกลบ และคอนโดฯมี 3 แบรนด์ ได้แก่ “ดี คอนโด-เดอะมูฟ” ราคา 2 ล้านกลาง ๆ กับ “คอนโด มี” เริ่มต้น 1 ล้านบาทบวกลบ
ดูแลโลก-สังคม-คนตัวเล็ก
ถัดมา “people” ดำเนินธุรกิจโดยมีคุณเป็นศูนย์กลางหรือ “YOU-centric”
ในแง่ของลูกค้านำเสนอโครงการที่คิดมาจากความต้องการของคุณจริง ๆ, ในด้านสังคมเมื่อธุรกิจสำเร็จและเป็นผู้นำจึงรณรงค์ให้ “คนตัวใหญ่ช่วยคนตัวเล็ก” ลดความเหลื่อมล้ำ
“YOU centric เป็นเรื่องที่เราให้ benefit เริ่มต้นจากครอบครัวภายในของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ต่อยอดไปถึงลูกค้า และสังคม ผมเชื่อว่าเราพร้อม พนักงานของเราถูกปลูกฝังให้มี DNA ของการอยู่ร่วมกันในสังคม รายใหญ่ต้องช่วยรายเล็ก”
และ “planet” จากความตระหนักปัญหาสิ่งแวดล้อม climate change เป็นเรื่องเร่งด่วน แสนสิริจึงเป็นบริษัทแรกในธุรกิจอสังหาฯที่ประกาศชัดเจนว่ากระบวนการพัฒนาโครงการตั้งเป้า net zero ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์สู่บรรยากาศ
แผนธุรกิจ 3 ปีเริ่มต้นที่ปีนี้ เรื่องใหม่ที่ลูกค้าจะได้รับคือไฟฟ้าส่องสว่างในพื้นที่ส่วนกลาง-solar roof พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้านระดับพรีเมี่ยม-บ้านทุกหลังในโครงการระดับพรีเมี่ยม (แบรนด์เศรษฐสิริ บุราสิริ นาราสิริ บ้านแสนสิริ) ต้องมี EV charger เป็นต้น
“อยากให้บุคคลต่าง ๆ มาช่วยกันโฟกัสนอกเหนือไปจากเรื่องของกำไร เรื่องของ people เรื่องของ planet เป็นเรื่องที่สำคัญ ธุรกิจที่แข็งแรงต้องดูแลโลก ดูแลสังคม เมื่อคนแข็งแรงช่วยกันเราก็สามารถสร้างความหวังและกำลังใจให้คนตัวเล็กต่อสู้ไป เพื่อให้ประเทศไทยขับเคลื่อนไปได้”
2565 หมดยุคสงครามราคา
ไฮไลต์การแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยจากปากคำของแสนสิริ ปี 2565 ไม่มีความจำเป็นต้องแข่งขันการให้ส่วนลด แข่งกันดัมพ์ราคาเพื่อระบายสต๊อกอีกต่อไป
“แสนสิริเอง inventory ของเราเหลือน้อยมากไม่ถึง 10,000 ล้าน กระแสเงินสดก็มีมากถึง 15,000 ล้านบาท จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องลดราคาแล้ว ส่วนรายใหญ่อีกหลายรายเท่าที่ได้ฟังมาก็มีสภาพคล่องที่ดี เพราะฉะนั้นเรื่องของสงครามราคาปีนี้ก็คงลดน้อยลงไป เน้นคุณภาพ ทำเล บริการหลังการขาย”
ร่วมวงคริปโท-Metaverse
“เศรษฐา” ระบุถึงจุดยืนเกี่ยวกับตลาดเงินดิจิทัลว่า แสนสิริลงทุนในบริษัทเอ็กซ์สปริง ซึ่งเป็นบริษัทที่โฟกัสสินทรัพย์ดิจิทัลค่อนข้างมาก นั่นคือบริษัทมีความเชื่อว่านี่คือโลกของอนาคตใหม่ โลกของคนรุ่นใหม่ สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเครื่องมือหนึ่งในการลงทุนที่ให้ทุกคนเข้าถึงได้ มีความเสมอภาคในการลงทุน
“ตลาดคริปโทเพิ่งเกิดขึ้นมาได้ 2-3 ปี เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่ามีคนที่ให้ความสนใจและลงทุนในคริปโทอยู่ ก็อยากจะเห็นรัฐบาลออกมายกเว้นเรื่องของภาษี”
รวมทั้งกระแสล่าสุด “Metaverse” หรือชุมชนโลกเสมือนจริง เป็นเทรนด์ใหม่ที่แสนสิริจะหยิบมาใช้ในแง่ของการทำการตลาดอย่างแน่นอน
“แสนสิริทำอะไรเราจะทำอย่างยั่งยืน เราต้องทำอย่างมีความต่อเนื่อง ไม่อยากจะทำเพราะเป็นเรื่องของแฟชั่น เพราะฉะนั้นทีมการตลาดกำลังศึกษาอยู่ที่จะร้อยเรื่องให้จบ ดังนั้นขอเวลาอีกสักพักหนึ่งแล้วเราจะเปิดตัวออกมา”
สำหรับสิ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาลเป็นข้อเสนอแนะให้ประคับประคองเศรษฐกิจก้าวข้ามโอมิครอน โดยสิ่งที่ภาคเอกชนไม่อยากเห็นคือมาตรการล็อกดาวน์ประเทศ
“ปี 2564 ที่ผ่านมาเป็นปีที่เศรษฐกิจตกต่ำมาก เพราะฉะนั้นฐานก็จะต่ำ เราก็หวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเรียนรู้ที่จะต้องอยู่กับโควิดก็คงจะไม่มีการล็อกดาวน์ คงทำกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้มีการค้าขายหรือดำเนินชีวิตไปตามปกติได้ ต้องไม่มีล็อกดาวน์”